บทที่ 14 คุณสาเป็นหนุ่มหล่อเดือนสภาปัตย์ ฮอตสุดในจุฬา
กราบสวัสดีรีดทุกคนนะค่ะ วัน จกขท.ได้มีบทสัมภาษณ์ของพี่อินมาให้อ่านกันอีกแล้ววววววว ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ที่พี่อินได้สัมภาษณ์กับ teen mthai กันค่ะ ไปอ่านกันเลยดีกว่าว่า teen mthai จะถามอะไรเกียวกับตีวพี่อินบ้างงงงง
การเตรียมตัวก่อนสอบเข้า
ก็มีไปเรียนคอร์สติววาดรูป แต่ว่าคอร์สติววาดรูปไม่เหมือนติววิชาการ เรียนเยอะยังไงก็แฮปปี้สำหรับเรานะ แต่ตอนสัมภาษณ์ค่อนข้างยากหน่อย เพราะว่าต้องสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ มีอาจารย์ฝรั่งนั่งเรียงกัน 4 คนเลย จำได้ว่าต้องใช้วิธีเกร็งคำถามในกระดาษประมาณ 8 หน้าA4ได้ แล้วท่องอยู่เกือบ 4 วัน แต่พอไปสัมภาษณ์จริงๆ ก็ตอบได้ถูกหมดนะ ก็เก็งได้หมดเกือบ 100% เลย
อิน สาริน หนุ่มหล่อเดือนสถาปัตย์ ฮอตที่สุดในจุฬาฯ
เขาว่ากันว่าหนุ่มนิสิตนักออกแบบหัวใจศิลป์มักจะเต็มไปด้วยเสน่ห์ ว่าแล้วเราไปตามติดชีวิตนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกันดีกว่า นำโดยหนุ่ม CUTE BOY หน้าใส อิน สาริน รณเกียรติ ที่จะมาแนะทริกการเป็นนักออกแบบสุดติสท์อย่างมีสไตล์ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆ อย่างแน่นอน อิน สาริน หนุ่มหล่อเดือนสถาปัตย์ ฮอตที่สุดในจุฬาฯ
แนะนำตัวหน่อยสิ
สวัสดีครับ อิน-สาริน รณเกียรติ ตอนนี้เรียนหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบสถาปัตยกรรมศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ) ที่เลือกเรียนทางด้านนี้ เพราะว่าที่บ้านก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับเรียลเอสเตทอยู่แล้ว และชอบการวาดรูปตั้งแต่เด็กๆ ส่วนที่อยากจะเรียนเป็นอินเตอร์ด้วย เพราะทางอินเตอร์ที่นี่ จะเน้นทั้งดีไซน์และแมเนจเม้นท์ ซึ่งก็น่าจะนำไปใช้งานในอนาคตได้มากกว่า
สวัสดีครับ อิน-สาริน รณเกียรติ ตอนนี้เรียนหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบสถาปัตยกรรมศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ) ที่เลือกเรียนทางด้านนี้ เพราะว่าที่บ้านก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับเรียลเอสเตทอยู่แล้ว และชอบการวาดรูปตั้งแต่เด็กๆ ส่วนที่อยากจะเรียนเป็นอินเตอร์ด้วย เพราะทางอินเตอร์ที่นี่ จะเน้นทั้งดีไซน์และแมเนจเม้นท์ ซึ่งก็น่าจะนำไปใช้งานในอนาคตได้มากกว่า
การเตรียมตัวก่อนสอบเข้า
ก็มีไปเรียนคอร์สติววาดรูป แต่ว่าคอร์สติววาดรูปไม่เหมือนติววิชาการ เรียนเยอะยังไงก็แฮปปี้สำหรับเรานะ แต่ตอนสัมภาษณ์ค่อนข้างยากหน่อย เพราะว่าต้องสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ มีอาจารย์ฝรั่งนั่งเรียงกัน 4 คนเลย จำได้ว่าต้องใช้วิธีเกร็งคำถามในกระดาษประมาณ 8 หน้าA4ได้ แล้วท่องอยู่เกือบ 4 วัน แต่พอไปสัมภาษณ์จริงๆ ก็ตอบได้ถูกหมดนะ ก็เก็งได้หมดเกือบ 100% เลย
สไตล์การเรียนการสอนด้านออกแบบอินเตอร์
การเรียนอินเตอร์จะต่างกับภาคปกติหน่อยก็คือ จะเป็นระบบเรียน 4 ปี แล้วก็เขาจะไม่มีการมาเลกเชอร์ ไม่มีการสอน แต่ว่าจะให้เราไปทำการบ้านข้างนอก แล้วกลับมาพรีเซ้นท์ให้อาจารย์ดู ในขณะที่ของไทยเราจะเน้นด้าน Construction เยอะหน่อย แต่อินเตอร์คือจะเน้นการครีเอทีฟ Thinking เน้นการคิดมากกว่าทำ เพราะว่าสถาปัตยฯ คือการสร้างสิ่งๆ หนึ่งที่มันไม่มีบนโลกให้เกิดขึ้นมาบนโลก การครีเอทีฟก็เลยจะสำคัญมาก แล้วในห้องเรียนก็มีนักเรียน 8 คนต่อครูหนึ่งคน ครูจะสามารถดูแลเราได้ทั่วถึง ให้เราได้มีโอกาสเสนอผลงาน โชว์ความเป็นตัวเองออกมา แต่เวลาพรีเซ้นท์ก็มีหลุดบ้างเหมือนกัน เพราะว่าอย่างที่บอกว่าทุกคนจะต้องไปคิดเอง ทำเอง แล้วมาพรีเซ้นท์พร้อมกัน เพราะฉะนั้น จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าของเพื่อนเป็นยังไง แล้วบางทีศัพท์เฉพาะทางก็มีความหมายได้หลายอย่าง บางทีเราก็อาจเข้าใจผิดได้บ้าง เวลาพรีเซ้นท์ก็เป็นเรื่องโจ๊กขำๆ ไปบ้าง
รื่องโหดขึ้นชื่อสำหรับเด็กสถาปัตย์ฯ
เรื่องงานเยอะ ขึ้นชื่อสำหรับเด็กถาปัดฯ อยู่แล้ว เรียกว่าผมต้องทำตลอดเวลาที่ลืมตาขึ้นมา จนกระทั่งหลับตาลงไป 55 แต่ชอบทำกับเพื่อนมากกว่าครับ เพราะจะได้แลกเปลี่ยนไอเดียกันได้ ก็จะมีรวมกลุ่มไปทำที่หอเพื่อนบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะทำกัน 24 ชั่วโมงเลยแหละ มีสองช่วงคือมิดเทอมกับไฟนอล ที่จะทำติดต่อกัน 3-4 วันเลย ส่วนวิชาโหดก็คงเป็นวิชาหลักคือดีไซน์ เพราะการให้คะแนนขึ้นกับอาจารย์ของเรา สไตล์ที่เราชอบอาจไม่ใช่สไตล์ที่อาจารย์ชอบ เพราะว่าอาจารย์ก็ติสท์แตกเหมือนกัน บางคนเปรี้ยวกว่าเด็กอีก นึกจะใส่เสื้อสีชมพูเรืองแสงทั้งตัวก็ยังใส่มาเลย 55
เรื่องงานเยอะ ขึ้นชื่อสำหรับเด็กถาปัดฯ อยู่แล้ว เรียกว่าผมต้องทำตลอดเวลาที่ลืมตาขึ้นมา จนกระทั่งหลับตาลงไป 55 แต่ชอบทำกับเพื่อนมากกว่าครับ เพราะจะได้แลกเปลี่ยนไอเดียกันได้ ก็จะมีรวมกลุ่มไปทำที่หอเพื่อนบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะทำกัน 24 ชั่วโมงเลยแหละ มีสองช่วงคือมิดเทอมกับไฟนอล ที่จะทำติดต่อกัน 3-4 วันเลย ส่วนวิชาโหดก็คงเป็นวิชาหลักคือดีไซน์ เพราะการให้คะแนนขึ้นกับอาจารย์ของเรา สไตล์ที่เราชอบอาจไม่ใช่สไตล์ที่อาจารย์ชอบ เพราะว่าอาจารย์ก็ติสท์แตกเหมือนกัน บางคนเปรี้ยวกว่าเด็กอีก นึกจะใส่เสื้อสีชมพูเรืองแสงทั้งตัวก็ยังใส่มาเลย 55
เทคนิคการหาไอเดียสุดครีเอท
ส่วนใหญ่เราต้องหา Reference เก็บข้อมูลหลายๆ อย่าง อ่านหนังสือเยอะๆ เพื่อเอามาอะแดปใช้กับโปรเจคของเราให้ได้ หรือไม่ก็ถ้าต้องหาไอเดียใหม่ๆ ส่วนใหญ่ผมจะชอบไปเที่ยวนะ คือให้หลุดจากงานไปเลย ไม่ต้องไปคิดถึงงาน แล้วสักพักมันก็จะเจอแรงบันดาลใจหรือไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาเอง บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เรามองข้ามไป สิ่งที่อยู่รอบตัวเรานี่แหละ ที่เราอาจจะนึกไม่ถึงก็ได้
ส่วนใหญ่เราต้องหา Reference เก็บข้อมูลหลายๆ อย่าง อ่านหนังสือเยอะๆ เพื่อเอามาอะแดปใช้กับโปรเจคของเราให้ได้ หรือไม่ก็ถ้าต้องหาไอเดียใหม่ๆ ส่วนใหญ่ผมจะชอบไปเที่ยวนะ คือให้หลุดจากงานไปเลย ไม่ต้องไปคิดถึงงาน แล้วสักพักมันก็จะเจอแรงบันดาลใจหรือไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาเอง บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เรามองข้ามไป สิ่งที่อยู่รอบตัวเรานี่แหละ ที่เราอาจจะนึกไม่ถึงก็ได้
จบแล้ว วันนี้พี่อินก็มาแนะนำวิธีการต่างๆกันเยอะเลยนะค่ะ จกขท หวังว่าบทสัมภาษณ์ของพี่อินจะช่วยเป็นข้อคิดและรีดทุกคนได้ปรดยชน์นะค่ะ วันนี้ จกขท.ก็ขอตัวลาไปก่อนบายนะค่ะทุกคน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น